ค้นพบ! ดาบโบราณยุคไวกิ้ง "อุลฟ์บาร์ต" สุดหายากในฟาร์มของชาวนอร์เวย์

ชาวนอร์เวย์ค้นพบดาบโบราณยุคไวกิ้ง "อุลฟ์บาร์ต" ที่เป็นดาบสุดหายากในฟาร์มของครอบครัวในประเทศ

ในเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ชาวนอร์เวย์ค้นพบสิ่งของโบราณแปลกประหลาดในสวนหลังบ้านหรือในฟาร์มในไร่ของพวกเขา

การค้นพบดาบโบราณครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเอย์วินด์ ทไวตัน ลอฟรา เกษตรกรชาวนอร์เวย์ วิศวกรเรือเฟอร์รี และนักการเมืองท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในมณฑลโรกาลันด์ ทางตะวันตกของประเทศ ได้โพสต์พบกับซากดาบเหล็กเก่าในฟาร์มของครอบครัว

ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อพบว่าซากดาบเหล่านี้มีลักษณะคล้ายดาบโบราณ และทำให้พวกเขาตัดสินใจติดต่อนักโบราณคดีและรัฐบาลท้องถิ่นตามกฎหมาย

นักโบราณคดียืนยันว่าดาบที่ค้นพบเป็นซากดาบเหล็กจากยุคไวกิ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคจักรวรรดิแฟรงกิช เรียกว่า "ดาบอุลฟ์บาร์ต"

ดาบอุลฟ์บาร์ตมีคำว่า "+VLFBERHT+" สลักบนใบดาบ ซึ่งนับเป็นชื่อช่างที่ตีหรือแหล่งที่มาของดาบ

นักโบราณคดียืนยันว่าค้นพบดาบนี้เป็นเพียงหนึ่งในเพียงไม่กี่ดาบอุลฟ์บาร์ตที่ค้นพบในโลก

การค้นพบดาบนี้เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการสืบทอดวัฒนธรรมของชาวนอร์เวย์

ตอนแรกลอฟราตั้งใจว่าจะโยนมันทิ้งไปเพราะคิดว่าเป็นแค่เศษเหล็กธรรมดา ๆ แต่เมื่อลองพินิจอย่างละเอียดจึงพบว่ามันมีลักษณะคล้ายดาบโบราณ และตัดสินใจติดต่อนักโบราณคดีและรัฐบาลท้องถิ่นตามที่กฎหมายนอร์เวย์กำหนด

“ผมรู้ได้อย่างรวดเร็วว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป ... มันเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเรา และดีใจที่ได้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่มาก่อน” ลอฟรากล่าว

จากการตรวจสอบ นักโบราณคดีของทางการโรกาลันด์ยืนยันว่า วัตถุดังกล่าวเป็นซากดาบเหล็กจากยุคไวกิ้ง (ค.ศ. 793 ถึง 1066) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดาบนี้ดูเหมือนจะมีต้นกำเนิดจากยุคจักรวรรดิแฟรงกิช เป็นดาบหายากซึ่งเรียกว่า “ดาบอุลฟ์บาร์ต” (Ulfberht)

ดาบอุลฟ์บาร์ตมีความแตกต่างจากดาบโบราณอื่น ๆ ตรงที่มันจะถูกสลักตัวอักษรคำว่า “+VLFBERHT+” ไว้บนใบดาบ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นชื่อช่างที่ตีหรือแหล่งที่มาของดาบ ที่ผ่านมาทั่วโลกมีการค้นพบดาบอุลฟ์บาร์ตเพียงประมาณ 170 เล่มเท่านั้น

ลาร์ส โซการ์ด โซเรนเซน นักโบราณคดีของทางการโรกาลันด์ กล่าวว่า “สิ่งนี้หายากมาก ... ดาบเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคไวกิ้ง และมีเพียงผู้ได้รับสิทธิพิเศษเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้พกดาบได้”

ดาบอุลฟ์บาร์ตหากอยู่ในสภาพสมบูรณ์จะมีความยาวราว 90 เซนติเมตร แต่ดาบที่ลอฟราค้นพบนี้เหลือความยาวเพียง 37 เซนติเมตรเท่านั้น ประกอบด้วยด้ามจับ กระบังดาบ และใบดาบที่เหลือเกือบครึ่งหนึ่งของความยาวเต็ม

นักโบราณคดีบอกว่า ดาบเล่มนี้ถูกรักษาไว้อย่างดีผิดคาด เพราะพื้นที่ของโรกาลันด์ส่วนใหญ่เป็นดินที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างย่ำแย่กว่าพื้นที่อื่น ๆ ของนอร์เวย์